วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

The Way of the Young Man "แชมป์-พีรพล เอื้ออารียกูล"



ถ้ายิงคำถามว่าพิธีกรเจเนอเรชั่นใหม่ที่หล่อครบเครื่อง และเป็นตัวเองมาก จนแฟนๆจัดให้เป็นมือวางอันดับต้นๆ แห่งวงการพิธีกรเมืองไทย ชั่วโมงนี้ เป็นใคร? คงมีคนยกมือตอบถูกกันค่อนประเทศว่าเป็น"แชมป์-พีรพล เอื้ออารียกูล"

เพราะทุกรายการที่หนุ่มมั่นคนนี้จัด ไล่ไปตั้งแต่ "ชอตเด็ด กีฬาแชมป์" "168 ชั่วโมง" รวมถึงรายการวิทยุ "Champ Club แชมป์ครับ” ทาง FM 106 และงานเขียนคอลัมน์ให้กับ 106 MAGAZINE รวมไปถึง ข้อความใน http://www.blogger.com/www.twitter.com/CHAMPch3และ http://champch3.blogspot.com/ ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ และเป็นที่สนใจของสังคมทั้งสิ้น

ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 5 ปีที่ "แชมป์" อยู่บนถนนสายพิธีกรที่เขารัก ท่ามกลางเสียงปรบมือของคนรุ่นใหม่ ที่มองเห็นเขาเป็นแบบอย่าง ตัวตนของ "ฮีโร่ของวัยรุ่น" "แชมป์-พีรพล" เป็นอย่างไร เซกชั่น TASTE มีคำตอบ!

กว่าจะเป็นแชมป์



"แชมป์" เริ่มงานพิธีกร ผู้ประกาศข่าวกีฬากับช่อง 3 และ Sports Presenter รายการ "ทันโลกกีฬา" เมื่อปี 2548 ขณะมีอายุ 22 ปี เขาใช้โอกาสที่ได้รับพิสูจน์ตัวเอง กระทั่งวงการโทรทัศน์ไทยยอมรับ และกลายเป็นเพชรเม็ดงามของช่อง 3 ในเวลาต่อมา แต่กว่าจะมีวันนี้เส้นทางของพิธีกรดาวรุ่งแห่งปี 2549 ต้องล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน

"ต้องล้มเหลวให้เยอะครับ" เจ้าของรางวัลผู้ประกาศข่าวที่อายุน้อย และโตเร็วที่สุด ในปี 2552 พูดถึงเคล็ดลับความสำเร็จที่หอมหวานให้ฟัง พร้อมอธิบายว่า "ล้มเหลวในที่นี้ ผมไม่ได้หมายถึงความล้มเหลว ที่เกิดจากความไม่พยายามนะ อย่างตอนที่ผมเรียนที่อเมริกา ก่อนจะได้รางวัลสักรางวัลหนึ่ง ผมก็ล้มเหลวเป็นสิบๆครั้ง จำได้ว่าครั้งหนึ่งมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้เด็กๆ มาออดิชั่น ทดสอบ เพื่อจะได้อ่านข่าวในมหาวิทยาลัย ผมเองก็ไปสมัครทุกครั้ง และก็ไม่ได้ 99% เราสู้เขาไม่ได้หรอกครับ เพราะผมเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษตอน ป.6 นี่เอง แต่ผมก็บอกกับตัวเองว่า เราไปที่นั่นในฐานะคนไทย ฉะนั้นเราไปสู้ในฐานะคนไทย ซึ่งอาจจะแพ้ แต่ผมไม่กลัวที่จะสู้ เพราะเมื่อคุณยังสู้ โอกาสชนะยังมี"

หลังสวมหัวใจสิงห์พุ่งชนเป้าหมายเหมือนไม่มีคำว่าท้อในหัวใจ เด็กไทยในต่างแดนคนนี้ ก็มีโอกาสได้จัดรายการที่อเมริกา แต่โอกาสที่เขาได้ครั้งนั้นไม่ใช่ได้มาจากความสามารถเพียวๆ หรือเป็นเพราะสำเนียงภาษาอังกฤษของเขาดีกว่าฝรั่งแต่อย่างใด หากแต่เป็นรางวัลของความพยายาม

"ผมได้รับโอกาสนั้น เป็นเพราะวัฒนธรรมของอเมริกันชน ที่ให้คุณค่ากับคนที่มีความพยายามไม่แพ้ความเก่งครับ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่าผมพูดไม่เก่งเหมือนเขา แต่เขาก็เห็นในความพยายามของผม ซึ่งนั่นถือเป็นความสำเร็จมากๆ ของผม และกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่สอนให้ผมว่า ความกล้ามีค่ากว่ารางวัลและความสำเร็จเสมอ"

เรียนรู้คน: ศิลปะการอยู่ในโลกแห่งความจริง



หลังศึกษาที่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน วิทยุ & โทรทัศน์ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) ที่สหรัฐอเมริกา กลับมาทำงานกับช่อง 3 เมื่อปี 2548 เขาก็พบว่า แท้จริงแล้วโลกแห่งความจริงไม่ได้โหดร้ายกับเด็ก หรือคนที่อ่อนแอ เท่าโหดร้ายกับคนที่ไม่เข้าใจความจริง ประสบการณ์ที่บ่มมาแรมปี ทำให้เขาพบว่า การเรียนรู้คนสำคัญไม่แพ้การเรียนรู้งาน

"ก่อนหน้านี้ผมเต็มร้อยกับทุกงานนะ แต่ตอนนี้คงต้องขึ้นอยู่กับงาน และสภาพแวดล้อมมากกว่า (หัวเราะขื่นๆ) สมมติว่าถ้าต้องร่วมงานกับคนที่อาวุโสกว่าเราเยอะๆ ผมจะทุ่มเทให้ระดับหนึ่ง ขืนมากกว่านั้น อาจไม่ดีกับผม เพราะสังคมไทยเรามีคำพังเพยว่า "ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย" หรืออย่าง "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" ก็ถูกนำมาตีความ สนับสนุนให้คนเห็นแก่ตัว คือเราไม่มีการสอนต่อว่าเอาตัวรอดจากอะไร ความชั่ว หรือความดี ไม่รู้นะ ผมว่าคำสอนที่ไม่กระจ่างชัด มันทำให้ประเทศไทยของเราก้าวช้ากว่าที่ควรจะเป็น ที่ผ่านมาผมเห็นเด็กไทยที่มีพรสวรรค์มากมาย แต่พอเจอคำพังเพยแบบนี้จอดทุกราย”

เด็กไทยต้องกล้าทำดีอวด



จากความคิดดังกล่าว ทำให้เขาเชื่อว่า เด็กไทยต้องกล้าทำดีอวด มากกว่าการทำตัวเป็นเด็กหัวอ่อน ที่ไม่รู้จักโตให้ผู้ใหญ่ปลาบปลื้ม เพราะการทำความดีที่อยู่ในกรอบศีลธรรม และไม่ได้เบียดเบียนใคร เป็นสิ่งที่สังคม & ผู้ใหญ่ควรสนับสนุน มากกว่าอ้างคำพังเพย "อาบน้ำร้อนมาก่อน" เข้าข้างตัวเองทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

"จริงๆ แล้ววัฒนธรรมฝรั่งก็มีคำนี้นะ (seniority = คนที่อาวุโสกว่า) แต่ฝรั่งเขาเถียงกันด้วยเหตุผล และที่เขาแน่ก็คือเขาเอาเหตุผลเหนือความอาวุโส ทุกวันนี้ผมจะถามเด็กที่มาฝึกงานตลอดว่า น้องดูรายการพี่น้องคิดว่ามีอะไรที่พี่ควรปรับไหม หรือมีอะไรที่อยากจะเสริมหรือเปล่า ผมไม่เคยกลัวเสียฟอร์มที่จะถาม เพราะผมคิดเสมอว่า ถ้าผมกล้าเปิดใจ รายการผมก็จะดีขึ้น”

แชมป์ พีรพล ไม่ได้มั่นใจตัวเองกับทุกเรื่องหรอก “ผมเพียงแค่มั่นใจในสิ่งที่ผมถนัดเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผม เรื่องอุ่นข้าว หรือเรื่องคอมพิวเตอร์ ผมก็ต้องถาม ต้องมีที่ปรึกษา และรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ไม่ว่าความเห็นนั้นจะมาจากคนที่มีอายุอ่อน หรืออาวุโส กว่าผมก็ตาม ผมยึดหลักว่าอะไรก็ตามที่เราไม่ถนัด เราไม่ควรอายที่จะถามครับ"

"แชมป์ไม่ใช่ ONE MAN SHOW หรือข้ามาคนเดียว อย่างที่ใครเขาพูดถึงหรอกหรือ?" เราถาม เขาหยุดคิดเพียงครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ สไตล์เหมือนที่แฟนรายการกีฬา และบันเทิงคุ้นเคยว่า;

"ผมไม่เคยคิดถึง ONE MAN SHOW ผมแค่ออกไปทำงานของผมให้เต็มที่เท่านั้น บางคนอาจมองว่าเป็น ONE MAN SHOW แต่หลายคนอาจมองว่าผมมีอิสระในการทำงาน เสนองานดี หรือพูดมันส์จัง ก็ได้ทั้งนั้น คือนิยามของ ONE MAN SHOW มันกว้างมาก ถ้าถามว่าผมสนุกกว่าไหมในการทำงานคนเดียวก็คงใช่ เพราะผมเป็นคนที่มีจินตนาการสูงมาก และถ้าเกิดผมเห็นอะไรปุ๊บผมก็อยากจะทำตามวิถีทางของผมเอง คือทุกอย่างต้องมากกว่ามาตรฐาน จึงเป็นงานง่ายกว่าหากผมมีอิสระในการทำเอง อันนี้ผมว่าเป็นนิยามผม แต่เป็น ONE MAN SHOW หรือเปล่าอันนี้ก็อยู่ที่ว่าคุณมองผมมุมไหนและ นิยามของคำว่า ‘ONE MAN SHOW’ สำหรับคุณคืออะไร?”

ความมั่นใจที่เขามีทั้งหมด หลายคนอาจเดาว่าเขาเป็นพวก Born to be แต่แชมป์บอกว่าส่วนใหญ่ของความมั่นใจมาจากครอบครัว;

"ครอบครัวช่วยเสริมจุดแข็งให้ผม คุณพ่อคุณแม่ให้โอกาสผมเสมอ จำได้ว่าสมัยที่เป็นเด็ก ผมอยากจะพากย์กีฬา ซึ่งอาจพากย์ไม่ดีเหมือนตอนนี้ แต่ท่านก็ฟัง มันก็เหมือนกับว่า ถ้าคุณอยากให้ลูกเป็นนักดนตรี ตอนที่เขาเริ่มสีไวโอลิน แล้วเล่นผิดโน้ต คุณก็ต้องฟัง ไม่ใช่ว่ากะจะไปฟังตอนที่เขาเล่นคอนเสิร์ตใหญ่อย่างเดียว ผมว่า นั่นเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ผมท่านได้เสียสละ ทุกวันนี้ท่านก็ยังดูรายการผมอยู่ ฉะนั้นผมรู้สึกว่าครอบครัวต้องให้โอกาส และสนับสนุน ผมว่าความเป็นแชมป์ มันมาจากตรงนี้ และที่สำคัญต้องขอบคุณคนดู ที่รู้สึกสนุก และสนุกกับสิ่งที่เราทำด้วย คือเป็นแพกเกจรวมถึงตัวเรา คนใกล้ชิด และก็แฟนๆ ด้วย"

มุมที่อ่อนไหวของพิธีกรมั่น



น้ำตาผู้ชาย อาจเป็นสัญลักษณ์ความอ่อนแอ ที่ใช้ได้กับผู้ชาย (ครึ่งๆ กลางๆ ) บางคน แต่สำหรับผู้ชายที่รวยจินตนาการคนนี้ น้ำตาคือเครื่องหมายของความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ และเขาก็พร้อมที่จะเสียน้ำตาให้กับสิ่งที่มากระทบความรู้สึกเสมอ

"ซีนหนังดีๆ สักเรื่องก็ทำให้ผมร้องไห้ได้แล้ว ลองถ้าชอบแล้วล่ะก็ ผมสามารถดูซีนนั้นๆ เป็นร้อยเป็นพันครั้งได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ หรืออย่างผมเดินเล่นสวนสาธารณะ แค่เห็นพ่อแม่เดินจูงลูกมา เชื่อไหมผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกแล้ว ผมคงเป็นคนละเอียดอ่อนมั้ง และอาจเรียกได้ว่าเป็นคนร้องไห้เก่งมากด้วย เชื่อไหมตอนที่ผมไปเรียนที่อเมริกา ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องกลับไปเรียนเลย (หัวเราะ) พ่อแม่บอกว่าครั้งแรกน่าจะเป็นเรื่องปกติ แต่นี่ไปมา 3 ปีแล้วยังร้องไห้อีกชักเริ่มไม่เข้าใจ...คือผมเป็นคนที่เสียน้ำตาง่าย แต่ไม่ถึงขนาดเป็นผู้ชายเจ้าน้ำตานะ...ถ้าเจ้าน้ำตาก็ต้องร้องทุกเรื่องจริงไหม แต่ผมร้องไห้กับบางเรื่อง และมีเหตุมีผล คือถ้าหนังซึ้งก็เสียน้ำตา ถ้าเพลงซึ้งก็ร้องไห้ แต่ถ้ากีฬาไทยแพ้ผมไม่ร้องนะ เพราะผมมีปรัชญาของผมว่า ถ้านักกีฬาเล่นเต็มที่ หากเขาแพ้ ก็แพ้อย่างยิ่งใหญ่ ชนะก็ชนะอย่างภาคภูมิใจ ฉะนั้นจะว่าผมร้องไห้บ่อยก็คงบ่อยแหละ”

เคล็ดลับความสุข



ขณะที่หนุ่มๆ ส่วนใหญ่เลือกให้รางวัลชีวิตด้วยแอลกอฮอล์ แหล่งบันเทิง และหญิงสาว แต่ทุกครั้งที่วันหยุดยาวๆ มาถึง พิธีกรคนนี้จะแสวงหาความสุขด้วยการออกไปจ็อกกิ้งในสวนหลวง ร.9 หรือไม่ก็เล่นอยู่ตามสวนสนุก และสวนสัตว์ ที่ไหนสักแห่ง

"ตอนนี้ผมค้นพบว่า ความสุขของผมคือการออกวิ่งในสวนสาธารณะ การได้ออกไปเที่ยวตามสวนสนุกที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ และสวนสัตว์ ทั้งสามสวนเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีโอกาสได้กลับไปเป็นเด็ก สนุกกับชีวิตแบบสุดๆอีกครั้ง อาจเป็นเพราะรู้สึกดี อากาศที่ร่มรื่นนะ ที่ทำให้หลงใหลสวนสาธารณะ พี่ว่าจะมีใครสักกี่คนกันเชียวที่ไม่ชอบสวนสนุก และสวนสัตว์ หลายคนอาจชอบผับบาร์ แต่ทุกครั้งที่เดินทางออกต่างจังหวัด คำถามแรกที่ผมถามก็คือ มีสวนสนุก มีสวนสัตว์ และมีสวนสาธารณะไหม"

นอกจากความสุขที่แสนจะเรียบง่ายในวันพักผ่อน ในวันทำงาน หรือหลังชั่วโมงทำงานที่พอมีอยู่บ้าง พิธีกรหนุ่มคนนี้ ก็สามารถแสวงหาความสุขได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไล่ไปตั้งแต่ความเป็นระเบียบบนโต๊ะทำงาน การแต่งตัว รวมถึงการออกไปนวดหน้า เพื่อให้รางวัลตัวเอง

"ผมเป็นผู้ชายที่ใส่ใจรายละเอียดเยอะมาก อย่างโต๊ะผมเนี่ย ถ้ากระดาษวางไม่เป็นระเบียบ หรือมุมไม่เท่ากันนิดหน่อย ผมจะต้องจัดให้เท่ากัน (หัวเราะ) ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมชอบอย่างนั้น หรืออย่างเสื้อผ้า ก็ต้องเรียงสีจากดำไปหาขาว คือมีความสุขที่จะใส่เสื้อผ้าดีๆ ผ่อนคลายที่จะออกไปนวดหน้า นวดน้ำมันอโรมาเทราพี บางครั้งยังถามตัวเองเลยว่า เยอะไปหรือเปล่า แต่มันคือผมไง ถ้าถามว่าต้องลดไหม ก็คงต้องลดเป็นบางเรื่อง เพราะว่ามันเยอะไปในบางอย่าง สมมติว่ามีน้ำอยู่ 1 กระป๋อง ผมก็ชอบที่จะเห็นมันสองกระป๋อง คือมันเป็นนิสัยมั้งครับ เวลาที่เห็นใครกินข้าวหก ผมจะรู้สึกคันขึ้นมา ซึ่งก็อาจเป็นเพราะที่บ้านผมสอนให้ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง บ่อยครั้งก็ต้องเช็ดโต๊ะ ล้างจานบ้าง ฉะนั้นวิธีที่ทำให้ผมสบายที่สุดคือห้ามกินข้าวหก เพราะจะได้เหลือหน้าที่แค่ล้างจานอย่างเดียว (หัวเราะ)!”

บทเรียนรัก



"คุณได้อะไรจากความรักที่ผิดหวังบ้าง?" เราหยุดคุยเรื่องความสุข หลังเสียงหัวเราะเขาเบาลง "ได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือความโสด" เขาตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ก่อนปล่อยประโยคถัดมาว่า "ได้ความทรงจำดีๆ มาเก็บไว้ และก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ที่สำคัญผมอยากให้น้องๆ ทุกคนเห็นว่า ต่อให้เราจะต้องเดินบนถนนคนละเส้น เราก็สามารถพูดถึงสิ่งที่ดี และเก็บความทรงจำที่ดีต่อกันได้ เหมือนอย่างที่พุทธศาสนาเคยสอนว่า ความโกรธไม่สามารถแก้ด้วยความโกรธ แต่ต้องแก้ด้วยความรัก และความเข้าใจ ยากครับ...ยาก แต่ถ้าใครทำได้ก็จะมีความสุข ถึงทุกอย่างจะย้อนกลับไปไม่ได้ แต่มันจะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีเสมอถ้าเราเรียนรู้จากมัน ถ้าถามว่าจากนี้ไปสเปกผู้หญิงในฝันเป็นอย่างไร ก็คงต้องสวย และสามารถเชื่อใจกันได้ รักเดียวใจเดียว ไม่มีความลับซึ่งกันและกัน รักสุขภาพ หุ่นดีเพราะให้ความสำคัญกับสุขภาพตลอดเวลา ที่ฝันไว้ก็คือ ผมอยากมีแฟนที่ 7 โมงเช้า ตื่นขึ้นมาหอมแก้มกันสักฟอด แล้วออกไปวิ่งด้วยกันที่สวนสาธารณะ มีความเป็นไทย เช่น รีดเสื้อผ้าได้ ทำอาหารเป็น เพราะบอกตามตรงว่าผมเองอุ่นข้าวยังไม่อร่อยเลย (หัวเราะ) น่าอายจริงๆ ซึ่งผมไม่อยากให้ความเป็นหญิงไทยหายไปเพราะการมาถึงของเทคโนโลยี ส่วนเรื่องเจ้าชู้ สบายใจได้เลย ใครที่รู้จักผม จะรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ ผมไม่เคยเล่นกับความรัก ผมจะไม่ยอมเล่นกับหัวใจผู้หญิงเด็ดขาด เพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติผู้หญิง และนั่นไม่ใช่วิธีการของผม"

ตัวตน "แชมป์ พีรพล"



"ว่ากันตามจริงเรื่องไม่เจ้าชู้นี่ เป็นจุดแข็งที่ผมรู้สึกภูมิใจนะ แม้หลายคนจะแซวว่าผมใช้ชีวิตไม่คุ้มก็ตาม แต่ชีวิตที่คุ้มของแต่ละคนอยู่บนนิยามที่ต่างกัน บางคนบอกว่าควงยิ่งเยอะยิ่งดี แต่สำหรับผม ถ้ามีโอกาสใช้ความสำเร็จที่ตัวเองมี ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่นได้เป็นพรีเซนเตอร์ต่อต้านการค้ามนุษย์ หรือถ้ามีโอกาสได้เป็นพรีเซนเตอร์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เป็นพรีเซนเตอร์ปลุกกระแสให้คนไทยรักไทย นั่นแหละคือชีวิตที่คุ้ม คนบางคน การได้ควงผู้หญิง หรือรวยเร็ว คือความยิ่งใหญ่ แต่สำหรับผมไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เหนือจากความสำเร็จ คือการทำให้ตัวเองมีค่า ทุกคนอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ผมอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและมีค่าด้วย!”


ข่าวลือ ช่อง 7 เตรียมแย่งตัวจากช่อง 3?



“อย่างข่าวที่ออกมาว่าผมจะย้ายช่อง ขอยืนยันอีกครั้งว่า ช่อง 3 เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ของผม ผู้บริหารเป็นเหมือนคุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้ผมมีวันนี้ และผมก็บูชาความจงรักภักดี มากกว่าสิ่งใด อย่างที่บอกสาเหตุที่ผมชอบ ราอูล กอนซาเลซ และ ไรอั้น กิ๊กส์ มากกว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด ก็เพราะว่าเขาไม่ย้ายทีม และโดนใบเหลือง ใบแดงน้อยมาก ชีวิตผมบูชาอยู่ 3 เรื่อง คือความจงรักภักดี ความใสสะอาด และ คุณธรรม ผมว่าสังคมไทยควรตัดสินคุณค่าของคนที่ความดี ไม่ใช่ยกย่องบูชาความสำเร็จและ ความรวยเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ามองเพียงแค่ความสำเร็จ เราจะกลายเป็นสังคมที่ชื่นชมชัยชนะที่สกปรก มากกว่า การแพ้พ่ายที่ใสสะอาด ซึ่งผมคงไม่ต้องบอกนะว่า จะเกิดอะไรกับประเทศนี้?”

สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ (กรกฎาคม 2553)
อ่านผลงานการเขียน ของ แชมป์ได้ที่ http://champshotded.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น